ข่าวทั่วไป

อิทธิบาท ๔

อิทธิบาท 4 หลักธรรมแห่งความสำเร็จ ประกอบด้วย ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา — เป็นพลังใจและแนวทางปฏิบัติที่ทำให้งานลุล่วงอย่างมีปัญญา

องค์ธรรมและความหมาย

  • ฉันทะ — รัก/พอใจในงาน สำรวจตนเองว่าชอบทางใด ตั้งคำถาม “ทำเพื่ออะไร” และปรับทิศทาง/ทัศนคติให้ตรงงาน
  • วิริยะ — ขยันหมั่นเพียร ฝึกทักษะเพิ่มอย่างสม่ำเสมอ ไม่เอาเป็นเอาตายแต่ยืนระยะจากแรงรักงาน
  • จิตตะ — เอาใจใส่รับผิดชอบ จดจ่อ ไม่วอกแวก สติ–รอบคอบเป็นรั้วกันออกนอกเส้นทาง
  • วิมังสา — ใช้ปัญญาพินิจพิเคราะห์ ตรวจทานงาน สรุปบทเรียน เห็นหนทางปรับปรุงและเลี่ยงผิดซ้ำ
พรหมวิหาร ๔

พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมของพรหม/ของผู้เป็นใหญ่ เป็นคุณธรรมประจำใจที่ทำให้ดำรงชีวิตอย่างประเสริฐและบริสุทธิ์ ประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา และ อุเบกขา

องค์ธรรมทั้ง 4

  • เมตตา — ปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข
  • กรุณา — ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
    • ทุกข์โดยสภาวะ: เกิด แก่ เจ็บ ตาย (กายิกทุกข์)
    • ทุกข์จร/ทางใจ: ปรารถนาไม่สมหวัง ประสบสิ่งไม่เป็นที่รัก พลัดพราก (เจตสิกทุกข์)
  • มุทิตา — ยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี ไม่ริษยา สร้างไมตรี
  • อุเบกขา — วางใจเป็นกลาง เห็นตามเหตุ–ผลของกรรม ช่วยเหลืออย่างถูกธรรม
ทิศ 6

ทิศ 6 ของคนหนึ่ง ๆ คือความสัมพันธ์รอบตัว 6 กลุ่ม โดยตัวเราเป็นแกนกลาง แต่ละทิศมีหน้าที่และฐานะต่างกัน เพื่อเกื้อกูลกันให้ชีวิตและสังคมราบรื่น

ทิศทั้งหก

  • ปุรัตถิมทิส — ทิศหน้า: บิดา–มารดา ผู้มีอุปการคุณสูงสุด ให้ชีวิต เลี้ยงดู อบรม ควรตอบแทนคุณและดูแลท่าน
  • ทักขิณทิส — ทิศขวา: ครูอาจารย์ ผู้ให้วิชาและแนวทางดำเนินชีวิต ควรเคารพ เชื่อฟัง และศึกษาเล่าเรียนให้เจริญ
  • ปัจฉิมทิส — ทิศหลัง: คู่ครอง (ภรรยาหรือสามี) กำลังเสริมและผู้ร่วมชีวิต เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ซื่อสัตย์ เอื้อเฟื้อ
  • อุตตรทิส — ทิศซ้าย: มิตรสหาย ผู้ช่วยประคับประคองและร่วมสร้างความสำเร็จ เลือกคบบัณฑิต เกื้อกูลกันด้วยความจริงใจ
  • เหฏฐิมทิส — ทิศล่าง: ผู้ใต้บังคับบัญชา/ลูกน้อง เป็นฐานกำลังในการงาน ควรดูแล ฝึกอบรม ให้สวัสดิการและความยุติธรรม
  • อุปริมทิส — ทิศบน: สมณชีพราหมณ์/นักบวช ผู้นำทางจิตใจ แหล่งศีลธรรม ควรอุปถัมภ์และใฝ่หาธรรมจากท่าน
สติปัฏฐาน 4

สติ คือ ความระลึกรู้คุมจิตไปในทางดี, ปัฏฐาน คือ ความตั้งมั่นในอารมณ์ ดังนั้น สติปัฏฐาน คือ ความตั้งมั่นแห่งสติในอารมณ์ฝ่ายดี มีที่ตั้ง 4 หมวด: กาย เวทนา จิต ธรรม

สติปัฏฐาน 4 ประเภท

  • กายานุปัสสนา — พิจารณาเห็นกายในกาย ทั้งภายใน–ภายนอก ด้วยความเพียร สัมปชัญญะ และสติ กำจัดอภิชฌา–โทมนัส
  • เวทนานุปัสสนา — พิจารณาเวทนาภายใน–ภายนอก เห็นสุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ ด้วยสติสัมปชัญญะ
  • จิตตานุปัสสนา — รู้เท่าทันจิต เช่น มีราคะ โทสะ โมหะ หรือหลุดพ้น ก็รู้ชัด
  • ธัมมานุปัสสนา — พิจารณาธรรมภายใน–ภายนอก ตามความเป็นจริง

จุดประสงค์ของการปฏิบัติ

  • สมถกัมมัฏฐาน — ตั้งสติพิจารณาบัญญัติ เพื่อให้จิตสงบ บรรลุฌานสมาบัติ
  • วิปัสสนากัมมัฏฐาน — พิจารณารูป–นาม เห็นไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) เพื่อละความเห็นผิด นำสู่มรรค–ผล–นิพพาน

ประเภทบุคคลที่เหมาะกับสติปัฏฐาน

  • ตัณหาจริต – ปัญญาอ่อน → เหมาะกับ กายานุปัสสนา (หยาบ เห็นง่าย)
  • ตัณหาจริต – ปัญญากล้า → เหมาะกับ เวทนานุปัสสนา (ละเอียด)
  • ทิฏฐิจริต – ปัญญาอ่อน → เหมาะกับ จิตตานุปัสสนา (พอดี ไม่หยาบ–ไม่ละเอียดเกิน)
  • ทิฏฐิจริต – ปัญญากล้า → เหมาะกับ ธัมมานุปัสสนา (ละเอียดมาก)
  • สมถยานิก – ปัญญาอ่อนกายานุปัสสนา (มีนิมิตเข้าถึงได้ง่าย)
  • สมถยานิก – ปัญญากล้าเวทนานุปัสสนา
  • วิปัสสนายานิก – ปัญญาอ่อนจิตตานุปัสสนา
  • วิปัสสนายานิก – ปัญญากล้าธัมมานุปัสสนา
สาราณียธรรม 6

สาราณียธรรม แปลว่า ธรรมอันทำให้ระลึกถึงกัน เป็นหลักสร้างความรู้สึกดีต่อกันจนเกิดความสามัคคี มีองค์ประกอบ 6 ประการดังนี้

องค์ประกอบ 6 ประการ

  • เมตตากายกรรม — ช่วยเหลือกันด้วยกาย ทั้งต่อหน้าและลับหลัง สุภาพ อ่อนน้อม ไม่เบียดเบียน
  • เมตตาวจีกรรม — พูดด้วยความหวังดี สุภาพ จริงใจ ให้กำลังใจ แนะนำตักเตือนด้วยเหตุผล
  • เมตตามโนกรรม — คิดดี ปรารถนาดี ไม่อิจฉา ไม่อคติ ให้โอกาสและให้อภัยกัน
  • สาธารณโภคี — ไม่หวงของ แบ่งปันทรัพยากร ผลประโยชน์ ใช้อย่างชอบธรรมเพื่อส่วนรวม
  • สีลสามัญญตา — มีศีลบริสุทธิ์เสมอกัน รักษาวินัย เคารพสิทธิ เสรีภาพ ไม่ก่อเดือดร้อน
  • ทิฏฐิสามัญญตา — มีความเห็นชอบร่วมกัน แสวงหาจุดร่วม สงวนจุดต่าง รับฟังเหตุผลของผู้อื่น