ข่าวทั่วไป

ทศพิธราชธรรม

ทศพิธราชธรรม คือ ธรรม 10 ประการที่พระมหากษัตริย์หรือผู้ปกครองพึงประพฤติ เป็นหลักคุณธรรมเพื่อประโยชน์สุขของราษฎร และความเที่ยงธรรมของบ้านเมือง

สาระโดยย่อ

  • ทาน — การให้ เอื้อเฟื้อ สงเคราะห์
  • ศีล — สำรวมกาย วาจา ใจ เป็นแบบอย่าง
  • ปริจจาคะ — เสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อส่วนรวม
  • อาชชวะ — ซื่อตรง มุ่งมั่น จริงใจ
  • มัททวะ — อ่อนโยน สุภาพ งามสง่า
  • ตบะ — เพียร ข่มใจ มีวินัย
  • อักโกธะ — ไม่โกรธ มีเมตตาประจำใจ
  • อวิหิงสา — ไม่เบียดเบียน ไม่กดขี่
  • ขันติ — อดทน อดกลั้น ไม่ท้อถอย
  • อวิโรธนะ — ยึดมั่นในธรรม ความเที่ยงธรรมเป็นที่ตั้ง

นักปราชญ์กล่าวว่าพระมหากษัตริย์ไทยในอดีตแม้อยู่เหนือกฎหมาย แต่ทรงอยู่ในกรอบราชธรรมเพื่อความเป็น “พระธรรมราชา” อำนาจจึงถูกจำกัดด้วยธรรม มุ่งความสุขของราษฎรเป็นใหญ่ และทรงเป็นแบบอย่างชักนำผู้อื่นให้ตั้งอยู่ในธรรม

มรรคมีองค์ ๘

สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า มรรคมีองค์ 8 คือหนทางอริยะประกอบด้วย สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ

1) สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ)

  • ระดับสูง — ปัญญาเห็นแจ้งในอริยสัจ มีนิพพานเป็นอารมณ์ สิ้นอวิชชา
  • ระดับพื้นฐาน — กัมมัสสกตาญาณ: ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

2) สัมมาสังกัปปะ (ดำริชอบ)

  • คิดทำทาน รักษาศีล ออกจากเรือน
  • ไม่ผูกโกรธ ไม่เบียดเบียน มุ่งนิพพานเป็นอารมณ์

3) สัมมาวาจา (วาจาชอบ)

  • เว้น มุสาวาท (พูดเท็จ)
  • เว้น ปิสุณาวาจา (ส่อเสียด)
  • เว้น ผรุสวาจา (คำหยาบ)
  • เว้น สัมผัปปลาปะ (เพ้อเจ้อ)

4) สัมมากัมมันตะ (การงานชอบ)

  • เว้นปาณาติบาต (ฆ่า/ทำร้าย)
  • เว้นอทินนาทาน (ลัก/โกง/ทำลายทรัพย์)
  • เว้นกาเมสุมิจฉาจาร (ละเมิดในกาม) และเว้นของเมา/เสพติด

5) สัมมาอาชีวะ (เลี้ยงชีพชอบ)

  • ไม่ประกอบมิจฉาชีพ/อาชีพล่อลวง
  • เว้นธุรกิจ 5: อาวุธ มนุษย์ สัตว์ น้ำเมา ยาพิษ

6) สัมมาวายามะ (ความเพียรชอบ)

  • เพียรละอกุศลที่ทำแล้ว
  • เพียรป้องกันอกุศลที่จะเกิด
  • เพียรทำกุศลที่ยังไม่ทำ
  • เพียรเพิ่มพูนกุศลที่ทำอยู่

7) สัมมาสติ (สติชอบ)

  • ระดับสูง — สติปัฏฐาน 4: กาย เวทนา จิต ธรรม
  • ระดับพื้นฐาน — ระลึกบุญ คุณพระรัตนตรัย ผู้มีพระคุณ ฯลฯ

8) สัมมาสมาธิ (สมาธิชอบ)

  • อุปจารสมาธิ → จิตตั้งมั่นใกล้สำเร็จฌาน
  • อัปปนาสมาธิ → เข้าสมาบัติ (ปฐมฌาน … สูงขึ้นไป)
  • ระดับพื้นฐาน: ความแน่วแน่ของจิตในกุศลกรรม (ขณิกสมาธิ)
นิรามิสสุข

นิรามิสสุข คือ ความสุขที่ไม่อาศัยวัตถุภายนอก เป็นความสุขทางใจ ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงสูงสุดคือ นิพพาน

ลำดับชั้นของนิรามิสสุข

  • ขั้นต่ำ — อบอุ่นจากพ่อแม่ ไม่มีศัตรู มีผู้รักนับถือ ไม่คิดร้าย ไม่ฟุ้งซ่าน ใจไม่หวาดระแวง
  • ขั้นกลาง — อิ่มใจจากการเสียสละ เมตตา กรุณา จิตใจสงบ
  • ขั้นสูงสุด — ภาวะแห่งการดับกิเลสสิ้นเชิง คือ นิพพาน
สามิสสุข

สามิสสุข คือ ความสุขทางกายที่เกิดจากวัตถุภายนอก หรือ กามสุข อาศัยประสาทสัมผัสทั้ง 5 (ตา หู จมูก ลิ้น กาย) ทำให้เกิดความพอใจ เป็นความสุขของปุถุชนทั่วไปที่เกิดจากการกระทำความดีทางโลก

ความสุขทางโลก 5 ประการ

  • อัตถิสุข — สุขจากการมีทรัพย์
  • โภคสุข — สุขจากการใช้จ่ายทรัพย์
  • อนณสุข — สุขจากการไม่มีหนี้สิน
  • อนวัชชสุข — สุขจากการประพฤติสุจริต

ทั้งนี้ สามิสสุข เป็นสุขที่ไม่มั่นคง หากเผลอประมาท ทุกข์ย่อมเกิดได้เสมอ จึงควรใช้เป็นฐานในการพัฒนาสู่สุขอันประณีตยิ่งขึ้น

นิโรธ 5

นิโรธ คือ การดับทุกข์ หมายถึงการดับ/ละตัณหา หลักธรรมที่นำไปสู่การดับทุกข์มี 5 ประการ ดังนี้

  • วิกขัมภนนิโรธ — ดับด้วยข่มไว้: ผู้บำเพ็ญฌานตั้งแต่ปฐมฌาน ข่มนิวรณ์ได้ชั่วขณะอยู่ในฌาน
  • ตทังคนิโรธ — ดับด้วยองค์นั้นๆ: ดับกิเลสด้วยธรรมคู่ปรับ/ตรงข้าม เช่น ดับสักกายทิฏฐิด้วยการรู้แยกรูป–นาม (ชั่วคราวเฉพาะกรณี)
  • สมุจเฉทนิโรธ — ดับด้วยตัดขาด: ดับกิเลสเด็ดขาดด้วยโลกุตตรมรรคในขณะแห่งมรรค
  • ปฏิปัสสัทธินิโรธ — ดับด้วยสงบระงับ: อาศัยโลกุตตรมรรคดับกิเลสแล้ว บรรลุผล กิเลสสงบระงับ ไม่ต้องขวนขวายดับอีกในขณะแห่งผล
  • นิสสรณนิโรธ — ดับด้วยสลัดออก/ปลอดโปร่ง: ดำรงอยู่ในภาวะดับกิเลสแล้วอย่างยั่งยืน อมตธาตุคือ นิพพาน